เห็ดไค หรือ เห็ดหล่ม

เห็ดไค


ชื่อท้องถิ่น: | เห็ดไค |
ชื่อสามัญ: | เห็ดไค |
ชื่อวิทยาศาสตร์: | - |
ชื่อวงศ์: | - |
ลักษณะวิสัย/ประเภท: | อื่นๆ |
ลักษณะพืช: | เห็ดไค มีลักษณะ คล้ายเห็ดก่อ ดอกใหญ่แข็งและกรอบ มีสีขาวปนเทา เวลาย่างจะมีกลิ่นหอม ชอบขึ้นตามป่าที่เปียกชื่นเวลาฝนตกใหม่ๆแหล่งธรรมชาติชุมชนท้องถิ่นต่างๆ ส่วนมากทางภาคอีสาน เห็ดไคส่วนมากนิยมมาประกอบอาหารทางอีสานเรียกว่า เห็ดไค ทางเหนือเรียกเห็ดหล่ม ทางภาคกลางเรียกเห็ดตะไคร เป็นสิ่งเกิดโดยธรรมชาิติคนท้องถิ่นเชื่อกันว่าเป็นยาอายุวัฒนะแก้โรคต่างๆ ได้มากมายตามความเชื่อของคนโบราณซึ่งได้ชืบทอดกันมา |
ปริมาณที่พบ: | น้อย |
การขยายพันธุ์: | ใช้ส่วนอื่นๆ |
อธิบายวิธีการเพาะ/ขยายพันธุ์: | เห็ดตะไคลพบได้ท้องถิ่นตามธรรมชาติ บริเวณหนองน้ำ ป่าละเมาะ ป่าเต็งรัง แถบภาคอีสาน เหนือ |
การใช้ประโยชน์/ส่วนที่นำไปใช้ประโยชน์: | วิธีทำซุปเห็ดไค หรือ แจ่วเห็ดไค1. นำเห็ดไคมาล้างให้สะอาด แกะดินออกให้หมดนะ ไม่งั้นจะได้กินทรายที่ติดมากับเห็ด มันสิเข็ดแข่ว 2. นำเห็ดไปย่างไฟให้สุดพอเหลืองๆ (อาจเกรียมขอบเล็กน้อย) 3. นำพริกขี้หนูสดๆ เผาไฟให้สุกพอหอม 4. โขลกพริกขี้หนูให้ละเอียด เสร็จแล้วนำเห็ดไคที่ย่างไฟเตรียมไว้ลงไปโขลกให้ละเอียดด้วยเช่นกัน 5. ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้า, น้ำปลาร้า, แป้งนัว (แป้งนัว = ผงชูรส)(บางสูตรอาจใส่เนื้อปลาช่อนไปด้วย) 6. ตักใส่จาน เสิร์ฟพร้อมกับข้าวเหนียวร้อนๆ ลวกผัก และผักสดต่างๆ |
แหล่งที่พบ: | - |
ข้อมูลอื่นๆเพิ่มเติม: | ลักษณะทางพฤกษศาตร์: ดอก เห็ดอ่อนสีขาวนวล ผิวหมวกเห็ดเรียบ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3-15 ซม. เมื่อบานรูปร่างคล้ายกรวย ตรงกลางหมวกเว้าลงเล็กน้อย สีน้ำตาลอ่อน หรือสีเนื้อ เนื้อหมวกหนาด้านล่างหมวกมีครีบเรียงกันเป็นรัศมี ก้านดอกมีลักษณะกลมใหญ่ โคนก้านดอกเรียวเล็กกว่าด้านบนเล็กน้อย ผิวด้านนอกสีขาวนวลและเรียบ เมื่อกระทบแสงไฟในตอนกลางคืนจะเรืองแสง |